4 เรื่องต้องรู้เพื่อปรับตัวรับมือยุค VUCA World และ Digital Transformation โดยศศิมา สุขสว่าง

วันนี้เก๋ -ศศิมา จะมาแบ่งปันเกี่ยวกับการปรับตัวและพัฒนาตัวเองเพื่อรับมือกับยุค Digital transformation และ VUCA World กันค่ะ   อย่างที่เราได้ยินกันมาตั้งแต่ต้นปีแล้วนะคะว่า ปีนี้อยู่ยาก ปีนี้เผาจริง ปีนี้บริษัทต่างๆจะเอาระบบอัตโนมัติเข้ามาทดแทนคนมากกว่าปกติ เพราะค่าเงินบาทแข็ง ต้องรีบซื้อเทคโนโลยีมา แล้วจะลดคนออก   ไม่ว่าสิ่งที่พูดออกมานี้จะจริงหรือไม่จริง แต่ถ้าเรามีการปรับตัวและพัฒนาตัวเองใน 4 เรื่องนี้ ได้ เก๋ว่า เราอยู่รอด อยู่ร่วม และอยู่อย่างมีคุณค่าได้ค่ะ

 

 

 

ทั้ง 4 เรื่องมีอะไรบ้าง เก๋ขอแบ่งปันดังนี้ค่ะ

 

เรื่องที่ 1  Reskill และ Up skill ความรู้ ทักษะ ความสามารถเพิ่มเติม   

คำว่า Reskill และ Up skill คืออะไร

Upskill คือ การพัฒนาทักษะเดิมเพิ่มเติม หรือ Top up ทักษะให้คนทำงาน    นั่นก็คือ เพิ่มเติมทักษะเดิม ให้มากขึ้น ทันสมัยขึ้น เพิ่มความลึกของทักษะเดิมๆ ให้มากขึ้น หรือทันสมัยขึ้น หรือนำเทคโนโลยีมาช่วยเหลือเพิ่มเติมในทักษะเดิมมากขึ้น เวลาเราใช้โทรศัพท์ หรือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ เขายังมีการ Up version ใหม่ๆอยู่ตลอด ดังนั้นทักษะ ของเราก็ต้องมีการ Upskill อยู่สม่ำเสมอนะคะ ไม่ใช่เป็นทักษะที่ตกรุ่นใช้ไม่ได้แล้วนะคะ

 

Reskill จะเป็นการสร้างทักษะใหม่ที่เป็นประโยชน์กับการทำงานของเขา เช่น ทักษะในการควบคุมหุ่นยนต์  การเพิ่มทักษะใหม่ที่จำเป็น (reskill) คือ การพัฒนาทักษะทั้งหมดของพนักงานสำหรับเนื้องานอื่นๆ การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการฝึกทักษะที่จำเป็นและสามารถนำทักษะเหล่านี้ไปใช้ในหน้าที่ใหม่ภายในบริษัท ทั้งสองสิ่งนี้กลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดใน

 

และการที่จะ Reskill  Up skill นั้นต้องรู้ด้วยว่าอะไรที่ต้อง Reskill (What) จากนั้นหาเป้าหมายให้เจอว่า ทำไปทำไม (What)    แล้วค่อยมาดูตอนสุดท้ายค่ะว่า ต้องทำอย่างไร (How)   สรุปคือต้องรู้ว่า What Why How ค่ะ

 

 

เก๋เคยไปเป็นวิทยากรแบ่งปันเรื่อง Growth Mindset ให้กับวิศวกร นายช่างที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง  หลังจากให้ทำกิจกรรมเรื่องของการตั้งเป้าหมาย Growth mindset ในส่วนของการพัฒนาตัวเอง พี่ท่านนั้นได้แบ่งปันว่า " จะไปพัฒนาตัวเองในส่วนของงานที่ อยู่แผนก Packaging บรรจุภัณฑ์ ซึ่งดูเหมือนเป็นงานที่ไม่น่าจะมีนวัตกรรม หรือพัฒนาอะไรได้เลย เพราะเป็นงานที่เป็นระบบ และไม่ยาก (พี่ท่านนั้น พูดที่เขียนมาเองนะคะ อาจจะเพราะพี่เขาทำงานมานาน เลยรู้สึกว่าไม่ยาก) แต่จะลองดูว่าจะพัฒนาระบบให้ง่ายขึ้น ประหยัดขึ้น โดยใช้ระบบหรือเทคโนโลยีอะไรได้บ้าง  แทนที่จะรอให้ AI หรือ Robot มา disrupt งานของผม ผมก็ต้อง disrupt ตัวเองก่อน และเตรียมพร้อมก่อน แล้วจะลองเสนอเจ้านาย เห็นด้วย หรือเปล่า ก็ถือว่าได้พัฒนา และได้เริ่มทำแล้ว "  คือชื่นใจคนสอนมากค่ะ

 

 

ส่วนในงานของเก๋เอง ที่เป็นวิทยากร ก็โดย disrupted เหมือนกัน ด้วยว่าลูกค้า, HR บางบริษัทที่เคยใช้บริการกันมา ตอนนี้ได้ทดลองระบบการเรียนรู้ใหม่ๆ ให้คนในองค์กรเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ แล้วลดส่วนของที่ต้องสัมมนาที่ต้องให้วิทยากรข้างนอกไปแบ่งปันลง HR เล่าว่าเป็นนโยบายมา  ส่วนจะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ต้องรอดูผลสัก ปีสองปีก่อน จึงจะประเมินผลได้  ซึ่งหากไม่ได้ผลก็ต้องกลับมาอบรม แบบเดิมก็ได้ ดังนั้น เก๋เอง ตอนนี้ก็ต้องพัฒนาตัวเองในแง่ของการทำสื่อการเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เช่นกันค่ะ

สามารถติดตามกันได้ที่ 

Podcast : https://sasimasuksawang.podbean.com 

เรื่องที่ ความคิดสร้างสรรค์ Creativity และ Creative Problem solving

เรื่องของความคิดสร้างสรรค์ Creativity และ Creative Problem solving เป็นเรื่องที่หุ่นยนต์หรือ AI ไม่สามารถมาทดแทนมนุษย์ได้อย่างแน่นอน แต่เราต้องฝึก จะฝึกได้อย่างไร  ยกตัวอย่าง เช่น เริ่มจากเวลาที่มีปัญหาหรือความท้าทายอะไรใหม่ แทนที่เราจะคิดไอเดียแค่ 3-4 ไอเดียในการแก้ปัญหา เราก็ลอง challenge ตัวเองว่า ต้องคิดทางแก้ไขปัญหาให้ได้มากกว่า 20 ไอเดียก่อน โดยไอเดียเหล่านั้น อาจจะเริ่มการแก้ปัญหาง่ายๆ  แล้วต่อยอดไปใช้เทคโนโลยียากๆได้ โดยไม่ต้องสนใจว่า จะทำได้หรือไม่ในตอนนั้น แต่ให้คิดให้ได้ออกมาให้มากที่สุดก่อน  วิธีที่จะได้ไอเดียดีๆ คือ คุณต้องมีไอเดียให้มากที่สุด ก่อน  แล้วค่อยมาจัดความสำคัญหรือลำดับของไอเดียค่ะ  

 

 

ทำอะไรได้อีกที่จะช่วยให้มีความคิดสร้างสรรค์  ทำสิ่งใหม่ๆที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง  เก๋เคยอ่านหนังสือเล่านึง จำไม่ได้แล้ว่าเล่มไหนนะคะ ถ้าค้นเจอ เดี๋ยวจะเอามาเล่าให้ฟัง เขาบอกว่า เวลาที่เราศึกษาเรื่องเดิมๆเนี่ย ความรู้เราจะเพิ่มไปจากเดิมไม่ค่อยเยอะ เพียงแต่มันจะลึกลง แต่ไอเดียมันจะวนลูปมาซ้ำๆกันไป วิธีการที่จะมีไอเดียใหม่ๆ คือให้เราไปทำกิจกรรม หรืออ่านหนังสืออะไรก็ได้ ที่มันแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง การทำแบบจะทำให้ได้องค์ความรู้ใหม่ๆเยอะมาก จากเดิมที่เราไม่เคยรู้เรื่องเลย พอเรารู้เรื่องมันจะกลายเป็น 50-100% ในเรื่องใหม่ๆเรื่องนั้นเลย  แล้วต่อไปสมองของเรา เขาจะ connect หรือเชื่อมโยงความรู้ต่างๆในเวลาที่เราคิดพัฒนาอะไรขึ้นมากค่ะ 


นี่เก๋ก็เพิ่งจะไปลงทะเบียนเพื่อเรียนสีน้ำค่ะ คือเป็นคนที่เรียกว่า วาดรูปได้ห่วยมากจริงๆ ไม่เคยคิดจะเอาดีทางนี้เลยค่ะ  แต่ตอนนี้ก็ลองทำดูบ้างค่ะ 

 

ในทางการพัฒนานวัตกรรม  บางครั้งนวัตกรรมที่เกิดจากการเชื่อมกันระหว่างวัฒนธรรม กัน เราเรียกว่า Cross cultural innovation ถ้านวัตกรรมที่เชื่อมระหว่างอุตสหกรรมกัน เราเรียกว่า cross industry innovation ค่ะ ซึ่งจะทำให้เกิดได้ บางทีเราต้องออกไปศึกษา เรื่องราวของอุตสาหกรรมอื่นๆนอก field ของตัวเองบ้างค่ะ

 

 

 

เรื่องที่ 3 การปรับตัวยืดหยุ่น Adaptability  หรือ flexibility

 

เป็นอีก Skill หนึ่งที่จำเป็นในยุคนี้ค่ะ  เวลาที่ทำงาน ต้องสามารถยืดหยุ่น หรือปรับตัว เตรียมตัวไปทำงานใหม่ๆได้ Growth Mindset หรือกรอบแนวคิดเชิงเติบโต และคิดบวก เชื่อว่า ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงยืดหยุ่นได้ พัฒนาให้ดีขึ้นได้เสมอ ไม่ยึดติดกับภาพความสำเร็จ และรูปแบบการคิดแบบเดิมๆ

 

ไม่ยึดติดว่า รับมาอีกตำแหน่งหนึ่ง แต่พอทำงานไปๆทำงานอีกหน้าที่หนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งเดิมเลย  เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะมามัวยึดว่า ชั้นต้องทำงานตรงนั้น แบบนี้ เท่านั้น อันนี้ก็จะยากแล้ว เพราะแม้แต่องค์กรเองตอนนี้ก็ต้องปรับตัวกันน่าดูเลยค่ะ ทั้งผลิตภัณฑ์ บริการ กระบวนการ เทคโนโลยีต่างเพื่อให้ตอบโจทย์กับ ลูกค้า การแข่งขัน และสภาพแวดล้อมค่ะ เพราะฉะนั้น เวลาทำงานทุกอย่าง การปรับตัวหรือการยืดหยุ่นกับหน้าที่การงานสำคัญ มีความจำเป็นและสำคัญมากค่ะ

 

 

เรื่องที่ 4  Empathy & Relationship ความสัมพันธ์

เรื่องสุดท้าย ของวันนี้ คือ Empathy & Relationship  การเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน เป็นอีกทักษะหนึ่งที่เก๋เชื่อว่า ไม่มีหุ่นยนต์หรือ AI มาแทนได้อย่างแน่นอน ยิ่งในธุรกิจบริการ ใหม่ๆคนอาจจะรู้สึกตื่นเต้น กับหุ่นยนต์หรือเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่คนเรายังไง เรายังคุย สนุก หัวเราะ  ได้ความรู้สึก ได้ยินดี กับความสัมพันธ์ ไม่ว่าระหว่างคนทำงานเอง หรือแม้แต่กับลูกค้า ที่ยังอยากจะได้ความสำคัญอยู่  ซึ่งในการคิดเชิงออกแบบ หรือ design thinking ที่มีหลักสำคัญว่าบอกว่า customer centric หรือ  Human centered   จะพัฒนาหรืออกแบบอะไรก็ตาม ต้องเข้าใจเชิงลึกและคำนึงถึงความคิด อารมณ์ ความรู้สึกของคนด้วย ไม่ใช่แค่พัฒนาออกมาแล้ว มี function ใช้งานได้เท่านั้นค่ะ

 

 

สรุปอีกครั้งนะคะ

 

 

การปรับตัวและพัฒนาตัวเองเพื่อรับมือกับยุค Digital transformation และ VUCA World เราต้องพัฒนาในเรื่องต่างๆดังนี้ ค่ะ  

 

เรื่องที่ 1  Reskill และ Up skill ความรู้ ทักษะ ความสามารถเพิ่มเติม  

เรื่องที่ 2 ความคิดสร้างสรรค์ Creativity และ Creative Problem solving 

เรื่องที่ 3 การปรับตัวยืดหยุ่น Adaptability  หรือ flexibility 

เรื่องที่ 4   การเข้าใจเชิงลึก & ความสัมพันธ์ Empathy & Relationship

 

 

เก๋หวังว่า บทความนี้จะมีประโยชน์กับผู้อ่านที่สละเวลามาอ่านนะคะ  ขอบคุณมากค่ะ ที่ติดตามกันมา 

............................

- สนใจหลักสูตร " Growth Mindset for Performance Working กรอบแนวคิดเชิงเติบโตเพื่อประสิทธิภาพการทำงาน" วิทยากร อ.ศศิมา สุขสว่าง ดูรายละเอียด กดที่นี่ 

- สนใจหลักสูตรอื่นๆ ในการพัฒนานวัตกรรมและพัฒนาองค์กร  ดูรายละเอียดทั้งหมด กดดูที่นี่ 

(ต้องการ รายละเอียดหลักสูตรฉบับเต็ม พร้อม ใบเสนอราคา ขอความกรุณาอีเมล์มาที่ sasimasuk.com@gmail.com หรือ Line ID: sasimasuk.com อ.เก๋เช็คอีเมล์และ Line ทุกวันค่ะ)

 ..............................

สนใจหลักสูตรการพัฒนานวัตกรรม  พัฒนาบุคคลากรในองค์กรโปรดติดต่อ 

อ.ศศิมา สุขสว่าง (เก๋)
วิทยากร ที่ปรึกษา โค้ช ด้านการพัฒนานวัตกรรมและพัฒนาองค์กร

E-mail : sasimasuk.com@gmail.com
Website : www.sasimasuk.com

line ID : sasimasuk.com
Facebook : https://www.facebook.com/CreativetoInnovation
Tel. : 081-560-9994 

 

  

หรือส่งรายละเอียดเพื่อติดต่อกลับทาง แบบฟอร์มด้านล่างนี้ค่ะ

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

หรือส่งข้อมูลมาทาง sasimasuk.com@gmail.com ทางเราจะติดต่อกลับภายใน 1 วันค่ะ
Visitors: 328,305