การสร้าง Growth Mindset กับการพัฒนาตัวเอง โดยศศิมา สุขสว่าง

องค์กรใด หากมีบุคคลากรที่มี Growth Mindset เป็นอัตราส่วนที่มากกว่า Fixed Mindset จะทำให้โอกาสที่องค์กรสามารถพัฒนาทั้งธุรกิจและนวัตกรรมให้เติบโตอย่างต่อเนื่องจะเป็นจริงได้

 

1. ปัญหาของบุคคลากรแบบ Fixed Mindset

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมีปัญหาในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือกระบวนการผลิต นั้นก็คือ
1. คนทำงานไม่กล้าออกความคิดเห็น เพราะคิดว่า ตัวเองไม่เก่ง กลัวหน้าแตก กลัวความผิดพลาด คิดไม่เป็นระบบ 
2. คนทำงานไม่กล้านำเสนอสิ่งใหม่ๆ เพราะ ไม่แน่ใจในความคิดที่นำเสนอ หาหลักการหรือวิธีการมาสนับสนุนแนวคิดใหม่ได้ หรือไม่มีวิธีการในการคิดอย่างระบบ หรือคิดสร้างสรรค์
3. คนทำงานไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองและเพื่อนร่วมงาน เพราะความคิด ความเชื่อ และประสบการณ์ในอดีต 
4. คนทำงานไม่อยากเติบโตหรือเลื่อนตำแหน่ง เพราะ กลัวว่าจะทำไม่ได้ดี กลัวเหนื่อยแล้วไม่คุ้มกับงาน


จากสาเหตุดังกล่าวด้านบน เราเรียกว่า "Fixed mindset" คือ "ทัศนคติแบบดังเดิม หรือยึดติด อยู่ในกรอบเดิมๆ หลายๆปัญหาเหล่านี้ ทำให้องค์กรมีอัตราการเติบโตอย่างช้าๆ และไม่ต่อเนื่อง"

 
และสิ่งที่แปลกแต่จริงอีกอย่าง คือ เกือบทุกบริษัท จะมีการนำ เครื่องมือต่างๆ ใหม่ๆ ไปใช้ในการปรับปรุงกระบวนการ ผลิต เช่น Lean, TPM, 5ส ในกระบวนการผลิต อย่างต่อเนื่อง แต่เครื่องมือเหล่านั้นจะไม่มีประสิทธิผลหากบุคคลากรที่ทำงานอยู่ ขาดทักษะในการคิดอย่างเป็นระบบและการคิดสร้างสรรค์ ในการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด และสามารถนำเครื่องมือต่างๆเหล่านั้น เข้าไปใช้แก้ปัญหาให้ตรงจุด


หลายที่ละเลยการพัฒนาบุคคลากรทำงานทั่วไป ไม่มีนำเครื่องมือและวิธีการใหม่ไปพัฒนากระบวนการคิด เพื่อสร้างทักษะการคิดให้กับคนทำงานเลย หรือบางครั้งมีการพัฒนา แต่เลือกที่จะพัฒนาเฉพาะกลุ่มดาวเด่น หรือคนที่มีผลงานดีอยู่แล้ว แต่สำหรับบุคคลากรทำงานทั่วไปที่อยู่หน้างาน ซึ่งบางครั้งสัมผัสกับกระบวนการผลิตอย่างใกล้ชิด ไม่มีการพัฒนาทักษะการแก้ไขปัญหาและการคิดอย่างต่อเนื่อง ต้องรอให้หัวหน้างานหรือผู้บริหารเข้ามาแก้ไขปัญหา ทั้งๆที่คนที่อยู่หน้างานจะเป็นคนรู้รายละเอียดได้เป็นอย่างดี


แล้วจะทำอย่างไร ให้กลายเป็นทัศนคติแบบตรงกันข้าม หรือที่เรียกว่า "Growth Mindset" หรือทัศนคติและแนวคิดแบบยืดหยุ่นและเติบโตพัฒนาต่อไปข้างหน้า เชื่อในศักยภาพของคน และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดประสิทธิภาพเป็นอย่างดี การพัฒนาระบบการคิด รวมทั้งการให้เครื่องมือและวิธีการ เพื่อช่วยให้สามารถคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์แก่บุคคลากรจึงเป็นสิ่งจำเป็น และเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้องค์กรก้าวเดินได้อย่างมั่นคง และได้ตามเป้าหมาย


เวลาที่เก๋เข้าไปเป็นวิทยากรและเป็นโค้ชตัวต่อตัว (One on one coaching) นั้น จะมีหลายเครื่องมือ ที่มาใช้ ในการพัฒนาบุคคลากรโดยการพัฒนา Growth mindset ของบุคคลากรให้ค่อยๆโต ขึ้นเรื่อย จนเบียดเจ้า Fixed mindset จนคลายไป (แต่ไม่หมดไปทีเดียวหรอก เพราะคนทุกคนมักจะมีหลุมหลบภัยของจิตใจไว้บ้าง)

 

สรุป

"Fixed Mindset" คือ "ทัศนคติแบบดังเดิม หรือยึดติด อยู่ในกรอบเดิมๆ หลายๆปัญหาเหล่านี้ ทำให้องค์กรมีอัตราการเติบโตอย่างช้าๆ และไม่ต่อเนื่อง การกลัวการเปลี่ยนแปลง ความล้มเหลว ไม่กล้าคิดสิ่งใหม่ๆ หรือไม่กล้าออกจาก comfort zone" เป็นต้น

"Growth Mindset" หรือทัศนคติและแนวคิดแบบยืดหยุ่นและเติบโตพัฒนาต่อไปข้างหน้า เชื่อในศักยภาพของคน และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดประสิทธิภาพเป็นอย่างดี การคิดเชิงบวก ความล้มเหลวคือการเรียนรู้ " เป็นต้น

 

2. วิธีการปลดล๊อค Fixed Mindset สร้าง Growth Mindset (กรณีศึกษา/ตัวอย่าง)


ขอยกตัวอย่างเคสของเก๋เลยแล้วกันค่ะ ก่อนที่เก๋จะได้ทุนเรียนฟรีขององค์กรเยอรมันแบบเบ็ดเสร็จ ไปเรียนปริญญาโทด้านวิศวกรรมที่ประเทศเยอรมนี (ทุนครอบคลุม ตั้งแต่ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ค่าเล่าเรียนภาษาเยอรมัน 6 เดือน และค่าเล่าเรียนปริญญาโทอีก 2 ปี ) ตอนก่อนได้ทุนนั้น เก๋มี Fixed Mindset ว่า เก๋เรียนไม่เก่ง ภาษาอังกฤษก็ไม่แข็งแรง ภาษาเยอรมันก็ไม่ได้เลย ที่บ้านก็ไม่เคยมีใครไปเรียนเมืองนอก สักคนเดียว และที่บ้านไม่ได้มีเงินมากมายที่จะไปเรียนเมืองนอก เก๋ก็คงไม่ได้หรอก แต่ใจอยากจะได้โอกาสนี้ อยากไปหาโอกาสใหม่ๆให้ชีวิต

 

ขั้นตอนการสร้าง Growth  Mindset เริ่มจาก


1) ฟังเสียงข้างในตัวเอง เวลาที่เสียงบอกว่า ไม่ได้ --> Fixed Mindset เข้าใจและรับรู้อย่างมีสติ

2) เลือกที่จะยอมรับ หรือจะเติบโต ถ้าเลือกที่จะเติบโต (Growth mindset) จะต้องมีวิธีการ หรือวางแผนทำอะไรบ้าง 
อย่างแรก คือ เรื่องเงิน
- Fixed Mindset ที่บ้านไม่รวย เงินเดือนน้อย คงไม่ได้ไปหรอก 
- Growth Mindset น่าจะมีวิธีเพื่อให้เงินพอ


เรื่องที่ 2 ภาษาอังฤษไม่ดี ภาษาเยอรมันไม่ได้ 
- Fixed Mindset ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย ภาษาเยอรมันที่ระยองก็ไม่มีสอน อ่านไม่รู้เรื่อง (ตอนนั้นทำงานเป็นวิศวกร R&D อยู่ที่ระยอง)
- Growth Mindset ต้องพยายามพัฒนาภาษาอังกฤษ


ขั้นตอนที่ 2 นี้ เป็นขั้นตอนที่สำคัญว่า เราจะหยุดอยู่กับกรอบความคิดแล้วหยุด หรือจะไปต่อแล้วหาวิธี ถ้า Growth mindset เราจะท้าทายตัวเอง แล้วพยายามก้าวต่อไป สู่การเติบโตอย่างมั่นคงค่ะ

 

ขั้นตอนที่ 3: พูดหรือบอกกับตัวเอง ถึงแนวทางที่จะเติบโต
 เรื่องเงิน 
- Growth Mindset น่าจะมีวิธีเพื่อให้เงินพอ เก๋เริ่มเก็บเงิน ประหยัด และหาทุน โดยค้นหาเรื่อง ทุนเรียนฟรี ที่เยอรมนี (ตอนนั้นอยากไปเยอรมนี)ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนเจอทุนอันหนึ่ง และใช้เวลาเตรียมตัวอีกเกือบ 1 ปี เพื่อให้คุณสมบัติตรงกับที่ทุนกำหนด


เรื่องภาษาอังฤษไม่ดี ภาษาเยอรมันไม่ได้
- Fixed Mindset ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย ภาษาเยอรมันที่ระยองก็ไม่มีสอน อ่านไม่รู้เรื่อง (ตอนนั้นทำงานเป็นวิศวกร R&D อยู่ที่ระยอง)
- Growth Mindset ต้องพยายามพัฒนาภาษาอังกฤษ เก๋อ่านและท่องหนังสือภาษาอังกฤษ เพื่อสอบ AUA ให้ได้ระดับ 8 เพื่อจะได้ไปเรียนกับพี่คนที่ทำงานด้วยกัน เพราะจะได้ขอติดรถไปเรียนและกลับมาที่หอด้วย (สอบได้ด้วย) หลังจากนั้นได้งานเพิ่มเป็น Technical Sale Engineer ติดต่อกับฝรั่งที่มาซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่วิจัยของบริษัท

ส่วนภาษาเยอรมัน เก๋นั่งรถตู้ของบริษัทมากรุงเทพทุกวันเสาร์เย็น เพื่อเรียนภาษาเยอรมันที่เกอเธ่ ตอนเช้าวันอาทิตย์ แล้วค่อยนั่งรถทัวร์กลับตอนเย็นเพื่อมาทำงานวันจันทร์ที่ระยอง --> ทำได้อาจจะไม่ 100% แต่ระดับภาษาดีกว่า เดิมเยอะเกือบ 50 %

 

ขั้นตอนที่ 4: ดำเนินการตามความคิดการเติบโต

ในที่สุดหลังจาก 1 ปีผ่านไป เก๋ได้ทุนเรียนฟรีเต็มจำนวน จาก DAAD ไปเรียนต่อปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์ที่ประเทศเยอรมนี 2 ปีครึ่ง จนจบ และได้แบ่งปันไว้ที่ https://www.succeed-germany.com/ เพื่อส่งต่อให้คนอื่นต่อด้วย

เครื่องมือที่เก๋ใช้ในตอนนั้น ระบบพี่เลี้ยง (Mentoring ) มีพี่ท่านหนึ่งคอยเป็นพี่เลี้ยงและโค้ชให้ค่ะ, Appreciative Inquiry (AI) การหาสิ่งดีๆรอบตัว เพื่อสร้างพลังเชิงบวก , การโค้ชเชิงสติ (Mindfulness Coaching) ดึงศักยภาพเพื่อทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

(ตอนนั้น Coaching อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักเหมือนกับตอนนี้ แต่ลักษณะที่ปฏิบัติเหมือนกันเลยค่ะ)

 

ตัวอย่างดังกล่าว เป็นเรื่องที่เก๋ปฏิบัติและนำมาใช้จริงทั้งในการเรียน และการทำงานในปัจจุบัน จึงสามารถยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนค่ะ 

 

3. เครื่องมือ ปลดล๊อค Fixed Mindset สร้าง Growth Mindset สำหรับพัฒนาบุคคลากร

และด้วยวิธีการเดียวกันนี้ เก๋นำมาใช้ในการดึงศักยภาพของลูกน้อง ตอนที่เก๋เป็นผู้จัดการโครงการเพื่อจัดตั้งศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ตอกเสาเข็ม จนถึงวางระบบต่างๆ และต้องดึงศักยภาพของลูกน้องเพื่อให้ได้งานวิจัยใหม่ๆ สร้างผลงานให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเมื่อไปทำหน้าที่อบรมสัมและโค้ช one on one coaching ในองค์กรที่เข้าไปเป็นวิทยากร In-house Training ด้วยค่ะ 

เครื่องมือที่สามารถปรับใช้เมื่อต้องพัฒนา Growth Mindset ของพนักงานให้เติบโตต่อไป

 

1. ระบบพี่เลี้ยง (Mentoring) หาพี่ที่มีประสบการณ์ และทัศนคติที่เป็นบวกทั้งต่อตนเองและต่อองค์กร เป็นพี่เลี้ยงให้กับน้องๆหรือพนักงานในกลุ่มที่ต้องการพัฒนา   

  

2. การโค้ช (Coaching) การโค้ชเพื่อพัฒนาบุคคลากรเพื่อให้คนสามารถพัฒนาตนเองเติบโตขึ้นได้ด้วยความสามารถของเขาเอง หัวหน้าเปิดใจและเชื่อมั่นในศักยภาพของลูกน้อง และใช้ทักษะการโค้ช เช่น คำถามปลายเปิดเพื่อ brain storming ให้ได้ความคิดใหม่ๆ , การ Rapport เพื่อสร้างความไว้วางใจและ engagement กับลูกน้อง , การฟังอย่างลึกซึ้ง เพื่อ ให้ได้ยินเสียงที่ไม่ได้พูด, การ feedback ที่มีคุณภาพให้เกิดการพัฒนาตัวเอง  และการสร้างแรงบันดาลใจด้วย Story telling เป็นต้น  

 

3. Appreciative Inquiry (AI) การหาสิ่งดีๆรอบตัว เพื่อสร้างพลังเชิงบวก วงจร AI จะเริ่มจากการค้นหาประสบการณ์ที่ดีที่สุด (Peak Experience) จากนั้นเอาประสบการณ์ที่ได้ไปสานต่อเป็นความฝัน หรือวิสัยทัศน์ (Dream) วางแผนทำให้วิสัยทัศน์เป็นจริง (Design) และเริ่มต้นทำ (Destiny) ศาสตร์ด้านนี้เก๋ได้รับถ่ายทอดจากอ.ดร. ภิญโญ รัตนาพันธุ์  ซึ่งเป็นอาจารย์และผู้ก่อตั้ง AI Thailand และได้นำมาใช้ประกอบกับการพัฒนาตัวเอง บุคคลากร รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมด้วยค่ะ 

 

4. เครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยอำนวยความคิดให้เป็นระบบมากขึ้น ในปัจจุบัน  แนวทางความถนัดในการคิดแบบต่างๆ เช่น Systematic thinking,  analysis thinking, Strategic thinking และ Creative thinking จะมีหลายเครื่องมือ และวิธีการ ที่ใช้พัฒนาบุคคลากรได้ ซึ่งสามารถเพิ่มศักยภาพการคิดอย่างเป็นระบบ  แม้ว่า หลายองค์กรจะมีความแตกต่างกันเรื่องความต่างของวัยทำงาน (Generation Gap) ทั้งในเรื่องของทัศนคติ ความคิด ความเชื่อ และสไตล์การทำงานของแต่ละวัยด้วย  ในแต่ละวัยจะมีสไตล์ความคิดที่แตกต่างกัน แต่สามารถนำสิ่งเหล่านี้มาหลอมรวมกัน เพื่อสร้างการเติบโตทางความคิดและการทำงาน ให้องค์กรได้โดยกระบวนการต่างๆตามข้อ 1-3 

 

หากองค์กรใดมีบุคคลากรที่มี Growth Mindset เป็นอัตราส่วนที่มากกว่า Fixed Mindset จะทำให้โอกาสที่องค์กรสามารถพัฒนาทั้งธุรกิจและนวัตกรรมให้เติบโตอย่างต่อเนื่องจะเป็นจริงได้  ลองใช้วิธีการ ของ ระบบพี่เลี้ยง (Mentoring) Appreciative Inquiry (AI) การหาสิ่งดีๆรอบตัว เพื่อสร้างพลังเชิงบวก , การโค้ชเชิงสติ (Mindfulness Coaching) และเครื่องมือต่างๆเพื่อใช้ในการพัฒนาศักยภาพของบุคคลากรนะคะ  ที่สำคัญ ต้องมีการพัฒนาบ่มเพาะและติดตามผลอย่างต่อเนื่องค่ะ 

 ............................................

- สนใจหลักสูตร " Growth Mindset for Performance Working กรอบแนวคิดเชิงเติบโตเพื่อประสิทธิภาพการทำงาน" วิทยากร อ.ศศิมา สุขสว่าง ดูรายละเอียด กดที่นี่ 

- สนใจหลักสูตรอื่นๆ ในการพัฒนานวัตกรรมและพัฒนาองค์กร  ดูรายละเอียดทั้งหมด กดดูที่นี่ 

(ต้องการ รายละเอียดหลักสูตรฉบับเต็ม พร้อม ใบเสนอราคา ขอความกรุณาอีเมล์มาที่ sasimasuk.com@gmail.com หรือ Line ID: sasimasuk.com อ.เก๋เช็คอีเมล์และ Line ทุกวันค่ะ)

.........................................

ติดตามข่าว เรื่องความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และแลกเปลี่ยนเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และนวัตกรรม หรือติดต่อวิทยากรอบรม In-House training หลักสูตรความคิดสร้างสรรค์  การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรม (Product Development and Innovation) ได้ที่

 อ.ศศิมา สุขสว่าง (เก๋)

วิทยากร ที่ปรึกษา โค้ช ด้านการพัฒนานวัตกรรมและพัฒนาองค์กร

E-mail : sasimasuk.com@gmail.com
Website : www.sasimasuk.com

line ID : sasimasuk.com 
Facebook : https://www.facebook.com/CreativetoInnovation
Tel. : 081-560-9994 (โทรกลับเฉพาะเบอร์มือถือนะคะ) 

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

หรือส่งข้อมูลมาทาง sasimasuk.com@gmail.com ทางเราจะติดต่อกลับภายใน 1 วันค่ะ
Visitors: 360,671