4 วิธีพัฒนาตัวเองอย่างประหยัดในยุคดิจิตอล โดยศศิมา สุขสว่าง
วันนี้เก๋อยากจะแชร์แนวคิดและบอกเล่าเรื่องราวการพัฒนาตัวเอง เพราะที่ผ่านมาได้มีการคุยกับพี่ๆเพื่อนๆน้องๆหลายคน เกี่ยวกับเป้าหมายชีวิต อยากทำโน่น ทำนี่ อยากทำหลายอย่าง หรือบางคนขาดแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเอง บ้างก็บอกว่า ไม่มีเงินไปลงคอร์สอบรมสัมนาแพงๆ แค่ใช้เงินให้ชนเดือนก็ลำบากแล้ว
ดังนั้นบทความนี้ตั้งใจมาแชร์แนวคิดการพัฒนาตัวเองอย่างประหยัด อย่างน้อยที่ผ่านมา จากการพัฒนาตัวเองของผู้เขียน ก็สามารถทำให้ได้ทุนไปเรียนเรียนต่อปริญญาโทต่อที่เยอรมนีหลักล้าน ได้ทำงานที่ชอบ ได้ดูแลครอบครัว และอีกหลายอย่าง จากการพัฒนาตัวเองวันละเล็กวันละน้อย แบบไม่ต้องเสียเงินเยอะ ซึ่งคิดว่า น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆบ้างไม่มากก็น้อยบ้าง
ผู้เขียนเชื่อว่า แม้เราจะทำงานประจำเต็มเวลา แถมทำไปถึงโอที ก็ตาม ถ้าเรามีเป้าหมาย เราก็มีเวลาในการพัฒนาตัวเองอย่างแน่นอน 4 วิธีนี้เป็นการพัฒนาตัวเอง โดยใช้เงินไม่เยอะค่ะ
1. อ่านหนังสือ
ยุคนี้เป็นยุคที่กูรูระดับอาจารย์หลายคน นิยมออกหนังสือทั้งเพื่อแบ่งปัน แจกจ่ายความรู้ หรือแม้กระทั่งโปรโมทคอร์สสัมนา ทำให้เราได้ผลพลอยได้ในการเพิ่มเติมความรู้ของเราไม่สิ้นสุด ผู้เขียนจะชอบอ่านหนังสือมาก สมัยก่อน ตอนเด็กๆแม่ให้ค่าขนมพอไปใช้ที่โรงเรียน แต่ไม่เหลือพอที่จะซื้อหนังสือ ผู้เขียนเป็นสมาชิกห้องสมุดทั้งในโรงเรียน ตำบล อำเภอ จังหวัด ตะลุยอ่านมาหมด อ่านตั้งแต่นิยาย ไปจนถึงหนังสือวิชาการหนักๆ ตะลุยอ่านขนาดนี้ ก็มีหลักในการอ่านเพื่อให้เกิดประโยชน์กับเรามากที่สุดเช่นกัน กล่าวคือ
- อ่านเพื่อพัฒนาการคิด หนังสือที่มีแต่ตัวหนังสือ เช่น หนังสือวิชาการ หนังสือความรู้เฉพาะต่างๆ หรือแม้แต่หนังสือ นิยาย เรื่องสั้น สามารถพัฒนาระบบสมองและกระบวนการคิดได้ เคยมีอาจารย์ที่เคารพท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ได้สอนนักศึกษามหาวิทยาลัยคณะแพทย์ที่เรียนเก่งมาก อาจารย์ก็สงสัยว่าทำไมเก่ง เลยไปคุยด้วย เลยได้รู้ว่า สมัยเด็กๆชอบอ่านนิยายจีนมาก และปัจจุบันก็ยังอ่านอยู่เมื่อต้องการพักผ่อน ซึ่งอาจารย์สันนิษฐานว่า การอ่านนิยายนั้น อาจจะทำให้เกิดกระบวนการคิด "วิเคราะห์" อย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องถึงคิด "สร้างสรรค์" เพราะนิยายมีแต่ตัวหนังสือเต็มไปหมด ทำให้ต้องจินตนาการออกมาเป็นภาพ เป็นเรื่องราว ทำให้สมองมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
- อ่านเพื่อเติมความรู้ ในเรื่องที่เราสนใจ เรื่องๆเดียวกัน แต่คนเขียนคนละคน บางครั้งจะมีแง่มุมที่น่าสนใจแตกต่างกัน เช่น ถ้าสนใจเรื่องหุ้น ก็จะมีรายละเอียดของหุ้นในหลายๆแง่มุม ซึ่งหนังสือของอาจารย์หลายๆท่านก็มาแชร์ในความคิด การอ่านหนังสือคือการอ่านความคิดที่เราสามารถย่นย่อระยะเวลาในลองผิดลองถูก และปิดช่องโหว่ที่เคยผิดพลาดมาแล้วได้อย่างเร็ว
2. ดูช่องยูทูปที่มีประโยชน์
เดี๋ยวช่องยูทูปที่มีประโยชน์มีจำนวนเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นช่องยูทูปที่ฝึกภาษาอังกฤษ ภาษาต่างประเทศต่างๆ Howto ต่างไม่ว่าจะเป็นการขาย งานฝีมือ วาดรูป คอมพิวเตอร์ ปลูกมะนาว แต่งหน้า แต่งรถ พัฒนาตัวเอง พัฒนาแนวคิด ศาสตร์วิชาการต่างๆมากมาย ที่สำคัญคือฟรี เพราะคนที่มาแบ่งปัน ถือคติยิ่งให้ ยิ่งได้ ผลพลอยได้ของเราคือ เราได้ดูของดีที่ฟรี (บางคนอาจจะบอกว่าไม่ฟรี 100% เพราะต้องเสียค่าเน็ต ค่าไฟ ก็ละไว้แล้วกันค่ะ)
ตอนนี้ผู้เขียนกำลังพัฒนาทักษะด้านการโค้ชชิ่งของตัวเอง โดยนอกจากไปลงเรียนตามคอร์สต่างๆแล้ว ยังดูช่องยูทูปจากปรมาจารย์ด้านการโค้ชทั้งในไทยและต่างประเทศ มีโอกาสได้ดูวิธีการโค้ช แนวคิด วิธีการต่างๆ ซึ่งโอกาสที่เราจะได้ไปดูของจริงบางครั้งแทบจะไม่มีโอกาสเลย แต่เราสามารถหาโอกาสเหล่านั้นได้จากช่องยูทูปค่ะ
3. ติดตาม เวปไซต์และ Fan page จากไอดอลหรือองค์กรที่เราสนใจ
ผู้เขียนได้รู้จักไอดอลที่เป็นอาจารย์ หรือกูรูหลายท่านจาก เวปไวต์และ Facebook นี่แหละ (ไม่ใช่เน็ตไอดอลแบบหล่อสวย โชว์หน้าตาอย่างเดียว) หลายๆท่านมาเขียน ถ่ายทอดให้อ่านกันทางเวปไซต์ และอัพ FB ทุกเช้า ทั้งเรื่องการเงิน อาชีพที่สนใจ ฯ เหมือนได้เติมสมองทุกๆวัน บางท่านประทับใจก็มีปฏิสัมพันธ์กัน มีการขอคำปรึกษาแนะนำ บางครั้งได้ connection หรือข่าวสารข้อมูลดีๆจาก FB นี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นคอร์สสัมนาฟรี หนังสือฟรี หรือความรู้แบ่งปันฟรี แนวคิดที่เอามาพัฒนาตัวเองได้
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผู้เขียนได้ทุนการศึกษาหลักล้านไปเรียนต่อปริญญาโทที่เยอรมนี ก็เพราะเวปไซต์และโซเชียลต่างๆนี่ละคะ (และได้กลับมาแบ่งปันข้อมูลการหาทุนเรียนต่อเยอรมนีไว้ที่ http://www.succeed-germany.com/) ดังนั้น โซเชียลบางครั้งก็เหมือนบัตรเครดิตค่ะ ถ้าใช้ให้เป็นประโยชน์จะมหาศาลมากกว่าโทษนะคะ
4. คุยกับผู้รู้จริง
บางครั้งที่เราสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างจริงจัง มักจะมีแรงดึงดูดให้เราเข้าไปอยู่ในเครือข่ายของคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน แล้วทำให้เราได้รู้จักกับคนมากขึ้น รวมทั้งผู้รู้จริงๆ ที่เราสามารถขอความรู้ หรืออย่างน้อยได้แลกเปลี่ยน พูดคุยหรือฟังความคิด แล้วนำมาพัฒนาตัวเองได้
ข้อคิดจากการพัฒนาตัวเอง ของผู้เขียนคือ
- ไม่มีเงิน ก็หาของฟรีพัฒนาความรู้ได้ ขยันและอดออมค่ะ
- ไม่มีเวลา ก็ลดเวลาลดเล่น โซเชียลเพื่อความบันเทิง ลดสังสรรค์สักวันละชั่วโมง
- ไม่มีความรู้ ก็ค้นคว้าหาได้ค่ะ ทั้งหนังสือ อินเตอร์เนต คุยกับคนเก่งๆ เพื่อนที่สนใจในสิ่งเดียวกัน ชวนกันพัฒนาตัวเอง
- ไม่รู้จะพัฒนาด้านไหน ก็เริ่มจากสิ่งที่ตัวเองชอบ รัก ทำได้ไม่เบื่อก่อนค่ะ
กล้าเปลี่ยนแปลงและลองลุกขึ้นมาพัฒนาตัวเองสักอย่างนึง ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษา วิชาความรู้ ความสนใจ สิ่งที่รักที่ชอบ โดยไม่ต้องรอให้มีโอกาสเข้ามาก่อน เพราะโอกาสที่เข้ามาอาจจะมาแค่แป๊บเดียว ถ้าไม่พร้อม โอกาสนั้นก็จะลอยจากไปค่ะ
อ.เก๋หวังว่า บทความนี้จะมีประโยชน์กับผู้อ่านที่สนใจและอยากพัฒนาตัวเองนะคะ
.............................
- สนใจหลักสูตร " Growth Mindset for Performance Working กรอบแนวคิดเชิงเติบโตเพื่อประสิทธิภาพการทำงาน" วิทยากร อ.ศศิมา สุขสว่าง ดูรายละเอียด กดที่นี่
- สนใจหลักสูตรอื่นๆ ในการพัฒนานวัตกรรมและพัฒนาองค์กร ดูรายละเอียดทั้งหมด กดดูที่นี่
(ต้องการ รายละเอียดหลักสูตรฉบับเต็ม พร้อม ใบเสนอราคา ขอความกรุณาอีเมล์มาที่ sasimasuk.com@gmail.com หรือ Line ID: sasimasuk.com อ.เก๋เช็คอีเมล์และ Line ทุกวันค่ะ)
======================
ติดตามข่าว เรื่องความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม การพัฒนาตัวเอง ติดต่อวิทยากรอบรม หลักสูตรความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรม (Creative thinking to Innovation) In-House training ได้ที่
อ.ศศิมา สุขสว่าง (เก๋)
วิทยากร ที่ปรึกษา โค้ช ด้านการพัฒนานวัตกรรมและพัฒนาองค์กร
E-mail : sasimasuk.com@gmail.com
Website : www.sasimasuk.com
line ID : sasimasuk.com
Facebook : https://www.facebook.com/CreativetoInnovation
Tel. : 081-560-9994 (โทรกลับเฉพาะเบอร์มือถือนะคะ)
-
ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งถือเป็น Growth Mindset อย่างหนึ่ง เป็นอีกความจำเป็นที่ช่วยองค์กรแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ และช่วยในการสร้างโอกาสและมูลค่าทางธุรกิจของบริษัทให้เติบโตด้วย บริษัทที...
-
Mindsetมีผู้ให้ความหมายไว้หลายความหมาย เช่น "กรอบความคิด" "กระบวนความคิด" ในส่วนของเก๋เองนั้น ให้ความหมายว่าMindsetหมายถึง "กระบวนการคิดของแต่ละบุคคลในการแสดงออกและทัศนคติ ซึ่งมาจ...
-
ในการปรับเปลี่ยนและพัฒนาตัวเอง เพื่อก้าวออกจาก Fixed Mindset ไปสู่ Growth Mindset นั้น หลายๆคนต้องใช้พลังกาย พลังใจที่ก้าวข้ามComfort zone ผ่าน Fear Zone สู่ Learning Zone เพื่อให้...
-
“VUCA World”เป็นคำย่อของ ความผันผวน (Volatility) ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ความสลับซับซ้อน (Complexity) ความคลุมเครือ (Ambiguity) “VUCA World” เป็นคำที่ทางกองทัพสหรัฐอเมริกาใช้...
-
องค์กรใด หากมีบุคคลากรที่มี Growth Mindset เป็นอัตราส่วนที่มากกว่า Fixed Mindset จะทำให้โอกาสที่องค์กรสามารถพัฒนาทั้งธุรกิจและนวัตกรรมให้เติบโตอย่างต่อเนื่องจะเป็นจริงได้ 1. ปั...
-
Mindset หรือ ชุดของความเชื่อหรือกรอบความคิดหรือ วิธีคิดที่ความ “ฝังลึก” จนเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมมุมมองและทัศนคติของบุคคลที่มีต่อเรื่องราวและสิ่งต่าง ๆ ซึ่งในคนทุกคนจะมีทั้ง คนที่มีกร...
-
ในช่วงนี้หลายๆครั้งที่สมองเราปั่นป่วนไปด้วยสภาวะอารมณ์ที่มากระทบจากภายนอก ข่าว และสถานการณ์ต่างๆ วันนี้เก๋มา แนะนำเทคนิค การเขียนถึงตัวเอง เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราค้นหาสิ่งท...
-
จากการศึกษาของ Institute for the Future ได้สรุปทักษะที่จำเป็นในคศ. 2020 สำหรับพนักงาน หรือลูกจ้าง 10 อย่างที่จำเป็นที่ต้องมี หากไม่มีแล้วคุณมีโอกาสตกงาน หรือเสี่ยงต่อการไม่ก้าวหน้า...
-
โมเดลการเรียนรู้แบบ 70:20:10 นั้น ก่อตั้งขึ้นโดยนักเขียนMorgan McCall, Michael Lombardo และ Robert Eichingerในความร่วมมือกับ(partnership) กับ Centre for Creative Leadership และถือว...
-
วันนี้เก๋ -ศศิมา จะมาแบ่งปันเกี่ยวกับการปรับตัวและพัฒนาตัวเองเพื่อรับมือกับยุค Digital transformation และ VUCA World กันค่ะ อย่างที่เราได้ยินกันมาตั้งแต่ต้นปีแล้วนะคะว่า ปีนี้อยู่ย...
-
ในสถานการณ์ที่ปัจจุบัน หลายๆบริษัทประสบปัญหาวิกฤติ บางบริษัทก็ได้ลดคน หรือปิดบริษัท แต่ในบางบริษัท ก็รับคนเพิ่มในตำแหน่งงานต่างๆ เรียกว่าในวิกฤติก็มีโอกาสในหลายๆบริษัท สำหรับคนทำงา...
-
ปัจจุบัน บริษัทต่างๆมีโปรแกรมสำหรับพัฒนาการเรียนรู้ของบุคคลากรในบริษัท โดยใช้งบประมาณสูงมากในปีหนึ่งๆ แล้วก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ตรงกับที่ผู้เรียนต้องการบ้าง ไม่ตรงบ้าง ซึ่งจากบท...
-
ช่วงนี้หลายคนอาจจะได้ยินคำว่า "New Normal" บ่อย จนสงสัยว่ามันคืออะไร วันนี้เก๋มาแบ่งปันข้อมูลกันค่ะ คำว่า "New Normal" แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "ความเป็นปกติในรูปแบบใหม่ " ซึ่งคำนี้ ถู...
-
บทความนี้ เก๋มาแบ่งปัน คำถามที่ต้องถามตัวเอง ก่อนทำงานที่บ้านWork from HomeหรือWork anywhereเพื่อการเตรียมตัวให้พร้อม และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงเหตุการ...
-
เก๋มาแบ่งปันแนวทางของตัวเองนะคะ เป็นเทคนิคการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ Re-skill ,Up skill โดยใช้เวลา 20-60 ชั่วโมงให้เรียนรู้ ทำได้และแบ่งปันได้ โดยแบ่งเป็นเรียนรู้วันละ 1-2ชั่วโมงอย่างส...
-
หลายสิบปีที่ผ่านมาในการทำงานประจำ ผู้เขียนได้ร่วมงานกับคนหลากหลายแบบจากหลายสิบแผนกในแวดวงคนทำงานกินเงินเดือน บางคนทำงานเพียง 2-3 ปีก็เปลี่ยนงานบางคนก็ทำงานในที่ทำงานเดิมเป็นสิบๆปี ...
-
เมื่อต้นเมษายน 2559 ผู้เขียนได้จดหมายเชิญทางอีเมล์จากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยที่ เยอรมนี The Technische Universität Dresden (TUD) ที่ผู้เขียนเรียนจบระดับปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์มา ท...
-
หลายคนอาจจะรู้จัก To do list หรือรายการที่ต้องทำ มามากมายแล้ว วันนี้เก๋มาแลกเปลี่ยนวิธีการเขียน To do list กันค่ะ To do list หรือ รายการที่ต้องทำเปรียบเสมือน แผนที่ หรือ google map...
-
ชีวิต เหมือนการปั่นจักรยาน คุณจะต้องปั่นมันอย่างต่อเนื่อง มันถึงจะไปต่อได้ ไม่งั้นก็ล้มหรือไม่ก็หยุดอยู่กับที่ ชีวิตการทำงานก็เหมือนกัน ก็ต้องพัฒนาตนเองตลอดเวลา จะช่วยให้ให้เราปรับ...
-
เริ่มปีใหม่ หลายคนอยากตั้งเป้าหมายเพื่อการเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น วันนี้ เก๋ก็มีเทคนิควิธีการง่ายๆในการตั้งเป้าหมายมาแบ่งปันกันค่ะ การตั้งเป้าหมาย (Goal ...
-
อ.เก๋ได้ฟังคลิปของ Stan lee ผู้แต่งเรื่องไอ้หนุ่มแมงมุม หรือ สไปเดอร์แมน (Spider-man) ที่เพื่อนโพสต์ใน FB ฟังแล้วได้ไอเดียดีๆ สำหรับสร้าง Growth Mindset เลยไปค้นหาคลิปต้นฉบับเต็มฟั...
-
ในปัจจุบันการทำงานที่เรียกว่า Work – life balance คงเป็นเป้าหมายชีวิตในชีวิตของหลายๆคน แต่จากการงานในปัจจุบันคงไม่มีงานไหนที่เราสามารถแยกชีวิตและงานออกได้อย่างชัดเจน และทำให้สมดุลก...
-
Adversity Quotient หรือ AQ คือ ความสามารถในการรับมือกับปัญหา ซึ่งเป็นการรวมความสามารถทั้งด้านร่างกายและจิตใจในการเผชิญหน้ากับปัญหา และการพยายามที่จะหาหนทางในการผ่านพ้นอุปสรรค ปัญ...