The Great Flattening เทรนด์การการลดจำนวนชั้นบริหารระดับ Middle Managers โดย อ.ศศิมา สุขสว่าง
The Great Flattening เทรนด์การการลดจำนวนชั้นบริหารระดับ Middle Managers
วันหยุดที่ผ่านมา อ.เก๋กลับไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ที่ต่างจังหวัด แม่ก็เป็นห่วง ถามว่ามีงานทำบ้างหรือเปล่า (แม่ Baby boomer ส่วนเก๋นี่ก็ Gen X แล้ว) เก๋เป็นวิทยากร ด้านการพัฒนานวัตกรรมและพัฒนาองค์กร มีบริษัทสัมมนาฝึกอบรมของตัวเองค่ะ จำนวนงานก็แปรผันตรงตามเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจดี งานก็เยอะ เศรษฐกิจไม่ค่อยดี งานก็น้อย เพราะองค์กรต่างๆมักจะลดต้นทุน ซึ่งงบสัมมนาอบรม ที่ปรึกษา ก็จะอยู่หมวดแรกๆที่โดนตัดออก
แม่เก๋ก็ห่วงตลอดค่ะ เพราะแถวบ้านมีคนทำงานรุ่นราวคราวเดียวกับเก๋ ( Generation X) ถูกจ้างออกหลายคน เท่าที่ฟังในหมู่บ้านก็ 5-8 คน จากนั้นบริษัทก็จ้างน้องใหม่ๆทำงาน เงินเดือนไม่สูงมาก เริ่มต้นปริญญาตรีก็ 15,000 บาท มาแทน หรือเวลาไปตามองค์กรต่างๆ ก็มีได้ยินการจ้างออกของคน Gen X ที่ปรับตัวพัฒนาตัวเองตามความทันสมัยของ AI และ Multiskilling อื่นๆไม่ได้ อ.เก๋เลยนึกถึงกระแส“The Great Flattening” เลยไปหาข้อมูลมาแบ่งปันกันค่ะ
The Great Flattening เมื่อองค์กรลดผู้จัดการเพื่อโครงสร้างที่ Lean ขึ้น เร็วขึ้น และถูกลง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกการทำงานกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ภายใต้ชื่อเรียกที่กำลังถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ “The Great Flattening” หรือเทรนด์การทำให้องค์กรแบนลง (Flat Organization)
The Great Flattening คืออะไร
‘‘The Great Flattening’’ หมายถึงการปรับโครงสร้างองค์กรโดยลดจำนวนชั้นของการบริหารจัดการ (Management Layers) และเพิ่มการกระจายอำนาจ (Decentralization) ในการตัดสินใจ เป้าหมายหลักคือการทำให้องค์กรมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลดความซับซ้อนในกระบวนการทำงาน และเพิ่มความเร็วในการตัดสินใจ โดยแนวคิดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากปรัชญาการบริหารแบบ Lean ซึ่งเน้นการกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็น (Waste) ออกจากระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
สรุปคือ
The Great Flattening คือการที่องค์กรลดจำนวนชั้นของการบริหาร (Management Layers) โดยเฉพาะตำแหน่งผู้จัดการระดับกลาง (Middle Managers) เพื่อลดต้นทุน เพิ่มความเร็วในการตัดสินใจ และทำให้การสื่อสารไหลลื่นขึ้น
โดยเน้นการสร้างโครงสร้างที่:
- Lean: กระชับและไม่มีส่วนที่เกินจำเป็น
- Fast: ตอบสนองและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
- Cost-effective: ลดต้นทุนในการดำเนินงาน
ในอดีต องค์กรส่วนใหญ่มีโครงสร้างแบบลำดับชั้น (Hierarchical Structure) หรือที่เรียกว่า โครงสร้าง “พีระมิด” ที่มีผู้จัดการหลายระดับหรือ หลายชั้นการบังคับบัญชา แต่ละระดับมีหน้าที่ควบคุมและตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม โครงสร้างแบบนี้มักนำไปสู่ปัญหาการสื่อสารที่ล่าช้า การตัดสินใจที่ใช้เวลานาน และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่สูงขึ้น การปรับโครงสร้างให้แบนลงจึงเป็นการตอบโจทย์เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ปัจจุบันหลายบริษัทกำลังปรับให้พีระมิดนี้ “เตี้ยลง” และบางแห่งถึงขั้น “แทบไม่มีชั้นกลาง” เลย
ปัจจัยที่ผลักดันเทรนด์“The Great Flattening” นี้
1. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
- การใช้ AI และ automation ลดความจำเป็นในการมีผู้จัดการระดับกลาง
- เครื่องมือดิจิทัลช่วยในการติดตาม วัดผล และรายงานผลงาน
- ระบบการสื่อสารที่ทำให้การประสานงานเป็นไปได้โดยตรง
2. ความต้องการความเร็วในการตัดสินใจ
- ตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็วต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว
- การลดขั้นตอนการอนุมัติช่วยเพิ่มความคล่องตัว
- การให้อำนาจในการตัดสินใจแก่ทีมปฏิบัติการโดยตรง
- ความเร็วคือความได้เปรียบ ลดชั้นการอนุมัติ →ตัดสินใจไวขึ้น→ส่งมอบงานเร็วขึ้น→ตอบสนองตลาดทัน
3. การลดต้นทุน
- เงินเดือนของผู้จัดการระดับกลางเป็นต้นทุนที่สูง
- ความจำเป็นในการลดค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
- การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร
- Middle Manager มักมีค่าตอบแทนสูง แต่ไม่ได้สร้างรายได้โดยตรง
4. การเปลี่ยนแปลงของแรงงานยุคใหม่
- พนักงานยุคใหม่ Gen Y และ Gen Z ต้องการความเป็นอิสระมากขึ้น
- ต้องการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
- มีทักษะและความสามารถในการจัดการตนเองมากขึ้น
- ต้องการความยืดหยุ่น และชอบโครงสร้างที่ทุกเสียงมีน้ำหนักเท่าๆกัน
ความท้าทายของ “The Great Flattening”
ถึงแม้ว่าการปรับโครงสร้างให้แบนลงจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายที่องค์กรต้องเผชิญ:
- ความไม่ชัดเจนในบทบาทและความรับผิดชอบ
เมื่อลดจำนวนผู้จัดการลง พนักงานอาจสับสนเกี่ยวกับหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง องค์กรต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจนและกำหนดแนวทางการทำงานที่รัดกุม - ความขัดแย้งในการตัดสินใจ
การกระจายอำนาจอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างทีมงานหากขาดการประสานงานที่ดี องค์กรจำเป็นต้องมีระบบหรือเครื่องมือที่ช่วยจัดการความขัดแย้งเหล่านี้ - ความจำเป็นในการพัฒนาทักษะพนักงาน
พนักงานในองค์กรที่แบนลงต้องมีทักษะในการตัดสินใจและทำงานอย่างอิสระมากขึ้น องค์กรจึงต้องลงทุนในการฝึกอบรมเพื่อให้พนักงานพร้อมรับมือกับความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น
แนวทางการนำ “The Great Flattening” ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ลงทุนในเทคโนโลยี
การใช้เครื่องมือดิจิทัล เช่น ซอฟต์แวร์จัดการโปรเจกต์ (เช่น Asana, Trello) หรือแพลตฟอร์มการสื่อสาร (เช่น Slack, Microsoft Teams) ช่วยให้ทีมงานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้จัดการในทุกขั้นตอน - สร้างวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจ
องค์กรต้องส่งเสริมให้พนักงานรู้สึกมั่นใจในการตัดสินใจและกล้าแสดงความคิดเห็น โดยผู้บริหารต้องเป็นแบบอย่างในการยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้จากมัน - กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน
การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและตัวชี้วัดผลงาน (KPIs) จะช่วยให้ทีมงานรู้ว่าต้องมุ่งไปในทิศทางใด แม้จะไม่มีผู้จัดการคอยกำกับอย่างใกล้ชิด - พัฒนาทักษะความเป็นผู้นำในพนักงานทุกคน
การฝึกอบรมทักษะการเป็นผู้นำ (Leadership Skills หรือ Leading Self ) และการแก้ปัญหาจะช่วยให้พนักงานสามารถรับมือกับความท้าทายในโครงสร้างที่แบนลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นต้น
สรุป
“The Great Flattening” ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นแนวโน้มที่กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารจัดการองค์กรในยุคใหม่ การลดจำนวนผู้จัดการและสร้างโครงสร้างที่ Lean ขึ้น เร็วขึ้น และถูกลง ช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของแนวคิดนี้ขึ้นอยู่กับการวางแผนที่ดี การลงทุนในเทคโนโลยีและทักษะของพนักงาน รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความไว้วางใจและการทำงานร่วมกัน
“อ.เก๋หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านที่แวะมาอ่านนะคะ หากองค์กรของคุณกำลังมองหาหลักสูตรหรือเวิร์กช็อปที่เกี่ยวกับ Smart Coaching and Mentoring สำหรับผู้นำ หรือ สำหรับ Self Coaching เพื่อรับมือกับ กระแส “The Great Flattening” การพัฒนากระบวนการทำงานโดยมี ‘คน’เพื่อให้ผู้บริหารสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทเป็นโค้ชและพี่เลี้ยงพนักงาน Gen Y, Gen Z ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือ พนักงาน Gen Y Gen Z สามารถโค้ชตัวเองได้ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ อ.เก๋ยินดีออกแบบให้เหมาะกับบริบทของแต่ละทีมค่ะ
หลักสูตรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
1. Smart Coaching and Mentoring for Leader ทักษะการโค้ชและพี่เลี้ยงสำหรับผู้นำในโลกยุค The Great Flattening
2. Self Awareness and Self Management for Working การตระหนักรู้และการจัดการตัวเองสำหรับพนักงานรุ่นใหม่
3. Self Coaching for Performance working ทักษะการโค้ชตัวเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
สนใจรายละเอียดหลักสูตรฉบับเต็ม โปรดติดต่ออาจาย์เก๋- ศศิมา สุขสว่าง ได้ทางอีเมล์ sasimasuk.com@gmail.com
อ้างอิง :
https://www.forbes.com/ บทความ "How ‘The Great Flattening Trend’ Could Affect Your Workplace" เขียนโดย Bryan Robinson, Ph.D., Contributor.
https://entrepreneurssource.com/ บทความ "The Great Flattening"
....................................
ติดต่อวิทยากรสัมมนาอบรม In-House training ด้านความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนานวัตกรรม หรือติดตามบทความ ได้ที่
อ.ศศิมา สุขสว่าง (เก๋)อาจารย์ศศิมา สุขสว่าง -อ.เก๋
บริษัทเอชซีดี อินโนเวชั่น จำกัด
Email : sasimasuk.com@gmail.com
Line ID : sasimasuk.com หรือเบอร์โทร. 0815609994
Website: http://www.sasimasuk.com/
FB: https://www.facebook.com/CreativetoInnovation/
Tel: 081-5609994
Youtube: https://www.youtube.com/innoinninecreativetoinnovation
-
การคิด (Thinking skill) เป็นกิจกรรมที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูลแก้ปัญหาตัดสินใจและสร้างแนวคิดใหม่ ๆ เรามักจะใช้ทักษะการคิดเมื่อพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับประสบการณ์ การจัดระเบียบข้อมู...
-
การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking)หมายถึง ความสามารถในการคิดจำแนกแจกแจงองค์ประกอบต่างๆ ของข้อมูลหรือปัญหาต่างๆออกเป็นประเด็นย่อยๆ ในหลายๆแง่มุม รวมทั้งการหาความสัมพันธ์ระหว่...
-
Design Thinkingเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ใช้ในการสร้างนวัตกรรมได้เป็นอย่างดี โดยเน้นเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานหรือกลุ่มเป้าหมายเป็นจุดศูนย์กลาง (Human Centered) Design Thinkingเป็นกระบ...
-
การคิดเชิงระบบ ( Systems Thinking ) เป็นการคิดในภาพรวมที่เป็นระบบ และมีส่วนประกอบที่สัมพันธ์เชื่อมโยงจากส่วนย่อยไปหาส่วนใหญ่ เป็นการคิดอย่างมีเหตุมีผล เน้นการแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาดเพ...
-
เราอาจจะสงสัยว่า ทำไมบางคนเก่งเลข บางคนเก่งเรื่องของศิลปะ บางคนเก่งเรื่องทำอาหาร บางคนเก่งเรื่องกีฬา แตกต่างกันไป ปัจจัยอย่างหนึ่งที่สำคัญเรื่องนี้คือ การทำงานของสมองในแต่ด้านของคน...
-
การตัดสินใจ คือการเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดจากทางเลือกหลายๆทางเลือก เพื่อให้องค์กรได้ประโยชน์สูงสุด และไม่มีความเสียหายผิดพลาดหรือมีน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การตัดสินใจนั้นเป็น...
-
การคิดวิเคราะห์ปัญหาด้วย Root Cause analysisหรือเรียกย่อๆว่า RCA หรือบางครั้งก็เรียกว่า แผนภูมิก้างปลา เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับก้างปลา เทคนิคนี้ ใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาได้เป็นอย่าง...
-
Why-why diagram เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ใช้ในการคิดวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุของปัญหา ร่วมกับ Root Cause analysis ค่ะบทความนี้เขียนโดยอ. ศศิมา สุขสว่าง www.sasimasuk.com เทคนิคนี้ มั...
-
เก๋ดูหนังเรื่อง 21 เกมเดิมพันอัจฉริยะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเบน แคมป์เบล เป็นนักศึกษา M.I.T. ขี้อายแต่ฉลาด กำลังหาทุนเรียนแพทย์ แล้วได้ไปเข้ากลุ่มกับศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติของ...
-
เก๋ได้ไปอ่านบทความหนึ่งที่น่าสนใจที่เขียนโดยคุณ RICHARD SELLERS เกี่ยวกับกลยุทธ์ป้องกันการแข่งขันที่ใช้ในเวลาที่เรามีคู่แข่งทางการตลาดขึ้นมาแบบ ทำสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ แบบเดียวกัน ห...
-
บทความนี้ อ.เก๋มาแบ่งปันเรื่อง การคิดวิพากษ์ (Critical thinking) ซึ่งเป็นทักษะการคิดหนึ่งใน 4 C คือ Communication, Collaboration, Creativity และ Critical Thinking ที่จำเป็นสำหรับค...
-
ในการทำงานในอนาคต คนทำงานต้องมีทักษะใหม่ๆ ซึ่งทักษะสำหรับการทำงานที่สำคัญคือ "การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking)"หรือ “การคิดอย่างมีเหตุผลรอบด้าน” หรือภาษาไทย หลายท่านอาจจะใช้...
-
ตอนที่เก๋ทำงานประจำ(เก๋ทำงานเป็นพนักงานเงินเดือนมา 4 บริษัท ก่อนจะออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง)แล้วได้โปรโมทเป็นหัวหน้าทีม จากนั้นก็เริ่มมีลูกน้องเข้าทีมจากคนสองคน จนเป็นหลายสิบคนนั้น...
-
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ อาจารย์เก๋เองก็เป็นคนที่สนใจ ทำงาน และสัมมนาเรื่องความคิดสร้างสรรค์พัฒนานวัตกรรมมาตลอด 20 กว่าปีที่ทำงานในสายนี้ แต่ต้องยอมรับว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการเป...
-
สวัสดีค่ะทุกคน บทความนี้อาจารย์เก๋ -ศศิมา สุขสว่าง มาแลกเปลี่ยนแบ่งปันทักษะที่สำคัญอีกทักษะหนึ่งที่ช่วยให้เราทำงานและตัดสินใจได้ดีขึ้น นั่นก็คือ "Critical Thinking" หรือการคิดเชิ...
-
การคิดวิเคราะห์ Analytical thinking เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน จากประสบการทำงานของเก๋ตอนทำงานประจำ และ จากที่ได้ไปเป็นวิทยากร ที่ปรึกษาสัมมนาในหลักสูตร Analytical Thinking สิ่งห...
-
อาจารย์เก๋ - ศศิมา มีคำถามค่ะ "เคยรู้สึกไหมว่า พยายามพัฒนาตัวเองแล้ว แต่ยังไม่เห็นผลเท่าไหร่" - บางคนตั้งเป้าหมายใหม่ทุกปี…- บางคนซื้อหนังสือพัฒนาตัวเองมากมาย แต่ก็ยัง &ldq...
-
วันนี้อาจารย์เก๋อยากชวนคุยเรื่อง “การตั้งคำถาม” ฟังดูเบา ๆ ใช่ไหมคะ… แต่ในชีวิตจริง ทั้งการทำงาน การประชุม หรือแม้แต่การบริหารทีม เราจะพบว่าคำถามที่ดีสามารถเปิดทางให้เกิดไอเดีย การ...
-
บทความนี้ อ.เก๋มาแชร์เกี่ยวกับ SIPOCเครื่องมือง่ายๆ ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลายคนที่ทำงานในองค์กรเคยรู้สึกไหมคะว่า.. “ทำงานแล้วมีปัญหาที่แก้ไข เราก็แก้ทุกอย่างแล้ว ...
-
ในกระแส“The Great Flattening” การทำให้โครงสร้างองค์กรแบนลง ลดชั้นการบริหารเพื่อลดต้นทุน เพิ่มความเร็ว และทำงานให้คล่องตัว Middle Managers กลายเป็นตำแหน่งที่ถูกจับตามองม...