การคิดเชิงวิพากษ์และการวิเคราะห์ (Critical & analytical Thinking) โดย อ.ศศิมา สุขสว่าง-เก๋

ในหลายปีที่ผ่านมา อาจารย์เก๋-ศศิมา ได้ไปแบ่งปันความรู้ด้านการคิดเชิงวิพากษ์และการคิดวิเคราะห์  (Critical & Analytical thinking) ค่อนข้างบ่อย ในแต่ละครั้งที่ได้ไปแลกเปลี่ยนกับผู้เข้าสัมมนาในแต่ละองค์กร ก็จะได้ตกผลึกความคิด รวมทั้งมุมมองใหม่ๆเพิ่มขึ้นเรื่อย  บทความนี้อ. เก๋เลยอยากมาแลกเปลี่ยนและแบ่งปันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคิดวิพากษ์และการคิดวิเคราะห์ รวมทั้งการนำเสนอความคิดของตัวเองให้มีเหตุผล ออกมาด้วยว่า ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้างค่ะ 

 

1. การคิดเชิงวิพากษ์และการวิเคราะห์ (Critical & Analytical thinking)

(1) ความหมายเชิงหลักการ

คือ “ความสามารถในการคิดอย่างลึก ซับซ้อน และตั้งคำถามกับข้อมูลหรือแนวคิด”ไม่ใช่เพียงการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เป็นการมองเห็นเหตุผลเบื้องหลัง, ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัย, และผลกระทบที่ตามมา เป็นการเชื่อมโยงมุมมองต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อสร้าง “มุมมองใหม่ที่มีคุณค่า” (Insightful perspective) 

 

(2) องค์ประกอบสำคัญ

องค์ประกอบ

คำอธิบาย

การตั้งคำถาม (Questioning)

เมื่อได้รับข้อมูลใหม่ๆ อย่าเชื่อทั้งหมดในทันที  แต่ตั้งคำถามเชิงลึก เช่น ทำไม?, แล้วถ้า?, มีทางเลือกอื่นไหม?, เพราะอะไรจึงคิดแบบนี้ เป็นต้น

การเปรียบเทียบมุมมอง (Comparative Thinking)

มองหลายด้าน เช่น ทฤษฎี vs. ปฏิบัติ, ประโยชน์ vs. ความเสี่ยง, มุมมองของผู้ใช้ vs. ผู้บริหาร, ข้อดี vs ข้อเสีย

การเชื่อมโยงเชิงตรรกะ (Analytical Connection)

เชื่อมโยงแนวคิด ข้อมูล หรือกรณีศึกษาอย่างมีเหตุผล ไม่ใช้ข้อมูลแบบ “แปะๆ”

การสังเคราะห์แนวคิดใหม่ (Synthesis

นำข้อมูลหลายแหล่งมารวมกัน แล้วสรุปเป็น “มุมมองเฉพาะตัว” หรือ “ข้อเสนอใหม่"

การตระหนักถึงข้อจำกัด (Limit Awareness)

ยอมรับจุดอ่อนของแนวคิดตนเองและผู้อื่น แสดงถึงความเข้าใจอย่างรอบด้าน

 

 (3) แนวทางพัฒนา

  • ใช้ Framework การคิดวิเคราะห์เช่น SWOT Analysis, Fishbone Diagram (Cause–Effect) และ5 Whys  เพื่อแสดงกระบวนการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
  • แสดง “การเปรียบเทียบเชิงลึก” เช่น นำ 2 แนวทางมาเทียบข้อดีข้อเสีย พร้อมสรุปมุมมองตนเอง
  • เขียน Insight Statement สั้น ๆ หลังแต่ละส่วน เช่น “สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า…” หรือ “นี่สะท้อนว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่ที่วิธีคิดของคน"
  • แทรก Evidence หรือกรณีจริงมาสนับสนุนข้อวิเคราะห์
  • ปิดท้ายด้วยการสังเคราะห์เชิงกลยุทธ์เช่น “ดังนั้น นโยบาย X จะมีประสิทธิผลก็ต่อเมื่อองค์กรปรับ Mindset ของผู้บริหารก่อน”

 

2. โครงสร้างและการให้เหตุผล (Argument & Structure)ในการคิดเชิงวิพากษ์และการวิเคราะห์

(1) ความหมายเชิงหลักการ

คือ “การสร้างแนวทางของความคิด (Logical Flow)” ที่ชัดเจนและโน้มน้าวได้ไม่ใช่แค่เรียงข้อมูลต่อกัน แต่เป็นการสร้าง “เส้นเรื่องของเหตุผล” —เริ่มจากตั้งประเด็น (Claim) - ให้หลักฐาน (Evidence) - วิเคราะห์ (Reasoning) - สรุปเชิงนัย (Implication)

 (โน้ต : “สรุปเชิงนัย (Implication)” เป็นคำที่มักใช้ในงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์และงานวิจัย เพื่อ สรุป “ความหมายที่ลึกกว่า” ของสิ่งที่ค้นพบ — หรือพูดง่าย ๆ คือ “สิ่งนี้บอกอะไรกับเรา” และ “เราควรทำอย่างไรต่อจากข้อมูลนี้”  

ตัวอย่าง  ลูกค้า 65% บอกว่าพวกเขาซื้อสินค้าที่มีความยั่งยืน แม้ราคาสูงกว่า (Evidence:หลักฐาน) ลูกค้าเริ่มให้คุณค่ากับแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม  (Insight:สิ่งที่ค้นพบ)  บริษัทควรพัฒนา กลยุทธ์ Sustainability Branding อย่างจริงจัง เพราะนี่คือ “แรงขับเคลื่อนใหม่ของตลาด” ไม่ใช่แค่เทรนด์ระยะสั้น  (Implication:สรุปเชิงนัย))


(2) องค์ประกอบสำคัญ

องค์ประกอบ

คำอธิบาย

การกำหนดประเด็นหลัก (Main Argument)

จุดยืนหรือข้อสรุปหลักที่ต้องการสื่อ เช่น “องค์กรจะสร้างนวัตกรรมได้จริงต้องเริ่มจากวัฒนธรรม ไม่ใช่เครื่องมือ”

การจัดลำดับเหตุผล (Logical Flow)

การเรียงประเด็นอย่างมีลำดับ เช่น จากพื้นฐาน -ปัญหา-การวิเคราะห์-ข้อเสนอ

การเชื่อมโยง (Coherence)

การเชื่อมโยงเหตุผลหรือโครงสร้างให้เข้าใจได้ว่าแนวคิดแต่ละส่วนสัมพันธ์กันอย่างไร

การใช้หลักฐานสนับสนุน (Support & Evidence)

นำข้อมูล งานวิจัย หรือกรณีจริงมาสนับ

สนุนข้อโต้แย้ง

การสรุปและสะท้อนกลับ (Reflection & Closure)

ปิดท้ายด้วยการสรุปเชิงลึกที่สะท้อนความหมายของการวิเคราะห์ต่อภาพรวมใหญ่

 

(3) แนวทางพัฒนา

  • การเข้าใจโครงสร้างของเรื่องราว  เช่น Claim – Evidence – Reasoning – Conclusion (CERC Model)
  • ตรวจสอบความสมดุล ว่ามีทั้ง “ข้อเสนอ” และ “เหตุผลสนับสนุน”
  • ปิดท้ายด้วย “การสังเคราะห์” ไม่ใช่แค่ “สรุป” เช่น “จากการวิเคราะห์ทั้งหมด จะเห็นได้ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือ แต่คือระบบคิดของคนในองค์กร”

 

 สรุปภาพรวม

Critical  & Analytical   -  คิดลึก เปรียบเทียบ ตั้งคำถาม  -  สร้าง Insight ใหม่

Argument & Structure   -  เรียงเหตุผล มีตรรกะ ใช้หลักฐาน  -  โน้มน้าว

 

ตัวอย่าง   “การคิดเชิงวิพากษ์และการวิเคราะห์ (Criticality & Analysis)” และ “โครงสร้างและการให้เหตุผล (Argument & Structure)”ในบริบทธุรกิจและการพัฒนานวัตกรรมเพื่อให้เห็นภาพว่าแนวคิดเชิงกลยุทธ์ถูกนำมาใช้จริงได้อย่างไร

 

ตัวอย่างที่ 1: การคิดเชิงวิพากษ์และการวิเคราะห์ (Criticality & Analysis)

บริบท: ธุรกิจต้องการพัฒนานวัตกรรมเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

บริษัท FMCG รายหนึ่งพบว่ายอดขายสินค้าหลักเริ่มชะลอตัว เนื่องจากคู่แข่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ “ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ” ซึ่งตอบโจทย์แนวโน้มรักษ์โลก

การคิดเชิงวิพากษ์ (ตัวอย่างการวิเคราะห์)

1.ตั้งคำถามเชิงกลยุทธ์:

เรากำลังแข่งขันด้วย ‘คุณสมบัติของสินค้า’ หรือ ‘คุณค่าที่ผู้บริโภคมองเห็น’ กันแน่?”

 

2.เปรียบเทียบมุมมอง:

    • ทีม R&D เห็นว่าเรื่อง “เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์” คือจุดชนะ
    • ทีมการตลาดกลับมองว่า “เรื่องราวของความยั่งยืน (Sustainability Storytelling)” ต่างหากที่ผู้บริโภคซื้อ

 

3.สรุป Insight ใหม่:


การชนะในตลาดนี้ไม่ได้อยู่ที่ “วัสดุบรรจุภัณฑ์” แต่คือ “การทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการรักษ์โลก”
ดังนั้น กลยุทธ์นวัตกรรมต้องเชื่อมเทคโนโลยี + การสื่อสารคุณค่า (Value Communication) เข้าด้วยกัน

 

นี่คือตัวอย่างของ Critical Thinking เชิงกลยุทธ์จากการตั้งคำถาม “ทำไม” และ “อะไรคือคุณค่าที่แท้จริง”
นำไปสู่การวิเคราะห์เชิงลึกและมุมมองใหม่ที่สร้างนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ได้

 .................................

ตัวอย่างที่ 2: โครงสร้างและการให้เหตุผล (Argument & Structure)

บริบท: การตัดสินใจว่าจะลงทุนในระบบ AI สำหรับองค์กรหรือไม่


Claim (ประเด็นหลัก):
องค์กรควรลงทุนในระบบ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขันในระยะยาว


Evidence (หลักฐาน):

  • ข้อมูลจาก McKinsey ชี้ว่าองค์กรที่ใช้ AI มีอัตราการเติบโตของ ROI เฉลี่ยสูงกว่า 30%
  • คู่แข่งหลักในตลาดได้เริ่มใช้ AI เพื่อเพิ่มความเร็วในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า


Reasoning (เหตุผลเชื่อมโยง):
การใช้ AI ไม่ได้แค่ลดต้นทุน แต่ยังช่วย “ปลดล็อกโอกาสนวัตกรรม” เช่น การพัฒนาสินค้าตามพฤติกรรมผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นสิ่งที่คู่แข่งยังทำได้ไม่เต็มที่

 

Counterargument (มุมโต้แย้ง):
บางฝ่ายกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างงาน
 แต่การวิเคราะห์ต้นทุน-ผลตอบแทน (Cost–Benefit Analysis) พบว่าระยะคืนทุนไม่เกิน 18 เดือน และสามารถเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า 25%

 

Conclusion (ข้อสรุป):
ดังนั้น การลงทุนในระบบ AI ไม่ใช่แค่ “โครงการเทคโนโลยี” แต่คือ “กลยุทธ์นวัตกรรมองค์กร” ที่จะสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

โครงสร้างนี้คือ Argument & Structure ที่แข็งแรง  มีการเรียงเหตุผลจากข้อเท็จจริง -การวิเคราะห์-การตอบข้อโต้แย้ง-การสรุปเชิงกลยุทธ์

 

สรุปเปรียบเทียบเชิงหลักการ

หมวด

จุดเน้น

ตัวอย่างในธุรกิจ

Critical & analytical Thinking 

มองลึก ตั้งคำถาม สร้าง Insight ใหม่

วิเคราะห์ว่าการแข่งขันในตลาดยั่งยืนไม่ได้อยู่ที่ “สินค้า” แต่ที่ “คุณค่าทางอารมณ์” ของแบรนด์

Argument & Structure

สร้างตรรกะโน้มน้าวใจ เชื่อมหลักฐาน

นำเสนอเหตุผลเชิง ROI และ Competitive Advantage เพื่อโน้มน้าวให้ผู้บริหารตัดสินใจลงทุนใน AI

 


อาจารยเก๋หวังว่า บทความนี้ จะมีประโยชน์และให้แง่คิดกับผู้อ่านบ้างนะคะ หากองค์กรใดสนใจหลักสูตร Critical and Analytical Thinking การคิดเชิงวิพากษ์และการคิดวิเคราะห์เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน ติดต่ออาจารย์เก๋ได้เลยนะคะ 

E-Mail : sasimasuk.com@gmail.com หรือ Line ID : 0815609994 ได้เลยค่ะ (2 ช่องทางนี้จะมีคนตรวจสอบ monitor ทุกวันค่ะ)

 

....................

 ติดต่อวิทยากรสัมมนาอบรม In-House training ด้านความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนานวัตกรรม หรือติดตามบทความ ได้ที่

   

 

อ.ศศิมา สุขสว่าง (เก๋)อาจารย์ศศิมา สุขสว่าง -อ.เก๋

บริษัทเอชซีดี อินโนเวชั่น จำกัด

Email : sasimasuk.com@gmail.com

Line ID : sasimasuk.com หรือเบอร์โทร. 0815609994

Website: http://www.sasimasuk.com/  

FB: https://www.facebook.com/CreativetoInnovation/

Tel:  081-5609994

Youtube: https://www.youtube.com/innoinninecreativetoinnovation

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

หรือส่งข้อมูลมาทาง sasimasuk.com@gmail.com ทางเราจะติดต่อกลับภายใน 1 วันค่ะ
Visitors: 418,331