การปรับตัวของ Middle Managers ในยุค The Great Flattening โดยอ.ศศิมา สุขสว่าง-เก๋

ในกระแส “The Great Flattening”  การทำให้โครงสร้างองค์กรแบนลง ลดชั้นการบริหารเพื่อลดต้นทุน เพิ่มความเร็ว และทำงานให้คล่องตัว  Middle Managers กลายเป็นตำแหน่งที่ถูกจับตามองมากที่สุด เพราะองค์กรจำนวนมากกำลัง “ลด” หรือ “ปรับบทบาท” ชั้นการบริหารนี้ให้เล็กลงหรือแทบหายไป

 

จากบทความก่อน ที่อ.เก๋ - ศศิมา สุขสว่าง  ได้เขียนเนื้อหาเกี่ยวกับ "The Great Flattening เทรนด์การการลดจำนวนชั้นบริหารระดับ Middle Managers"  (อ่านบทความนี้ กดที่นี่) ที่ได้เขียนเกี่ยวกับ ความหมาย, ปัจจัยที่ผลักดันเทรนด์“The Great Flattening” , ความท้าทาย และ แนวทางการนำ “The Great Flattening” ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปแล้ว  บทความนี้อ.เก๋ มาเล่าให้ฟังถึงเรื่องของการปรับตัวของ Gen X  ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับ Middle Manager  ซึ่งมักเติบโตมาในยุคที่โครงสร้างองค์กรเป็นแบบลำดับชั้นชัดเจน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้าง แต่คือการเปลี่ยนเกมการทำงานและบทบาทอาชีพ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก The Flattening  ด้วยโดยตรง

 

 ขอสรุปอีกนิดนึงนะคะ 

The Great Flattening คืออะไร

‘‘The Great Flattening’’  หมายถึงการปรับโครงสร้างองค์กรโดยลดจำนวนชั้นของการบริหารจัดการ (Management Layers) และเพิ่มการกระจายอำนาจ (Decentralization) ในการตัดสินใจ เป้าหมายหลักคือการทำให้องค์กรมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลดความซับซ้อนในกระบวนการทำงาน และเพิ่มความเร็วในการตัดสินใจ โดยแนวคิดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากปรัชญาการบริหารแบบ Lean ซึ่งเน้นการกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็น (Waste) ออกจากระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

โดยเน้นการสร้างโครงสร้างที่:

  • Lean: กระชับและไม่มีส่วนที่เกินจำเป็น

โครงสร้างที่แบนลงช่วยลดกำแพงระหว่างพนักงานและผู้บริหาร ส่งเสริมการสื่อสารแบบเปิดกว้างและการทำงานเป็นทีม ทีมงานสามารถแบ่งปันความคิดเห็นและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยัง ดึงดูดและรักษาคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่ในยุคมิลเลนเนียลและ Gen Z มักมองหาสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความยืดหยุ่นและให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ โครงสร้างที่แบนลงช่วยให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังของกลุ่มนี้ 

 

  • Fast: ตอบสนองและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อมีชั้นผู้จัดการน้อยลง ข้อมูลและการตัดสินใจสามารถไหลเวียนได้เร็วขึ้น พนักงานในระดับปฏิบัติการ (Frontline Employees) มีอำนาจมากขึ้นในการตัดสินใจโดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากหลายระดับ ส่งผลให้องค์กรตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในตลาดได้ทันท่วงที

 

  • Cost-effective: ลดต้นทุนในการดำเนินงาน

การลดจำนวนผู้จัดการช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งบริหาร องค์กรสามารถนำทรัพยากรเหล่านี้ไปลงทุนในด้านอื่น เช่น การพัฒนานวัตกรรมหรือการฝึกอบรมพนักงาน

 

 

 

กลยุทธ์การปรับตัวของ Middle Managers ในยุค The Great Flattening

การอยู่รอดและเติบโตในยุค ‘‘The Great Flattening’’  ไม่ใช่เรื่องของการยึดติดกับตำแหน่งเดิม แต่เป็นการพัฒนาทักษะและบทบาทใหม่ๆ ที่องค์กรต้องการ นี่คือกลยุทธ์สำคัญที่ผู้จัดการ การปรับตัวของ Middle Managers ในยุค The Great Flattening  ควรนำไปปรับใช้:

 

1. ปรับ Mindset จาก “ควบคุม” เป็น “สร้างคุณค่า”

  • แทนที่จะโฟกัสการกำกับดูแล (Supervise) → เปลี่ยนมาโฟกัสการสร้างผลงานที่มีผลลัพธ์ชัดเจน
  • ใช้ประสบการณ์และความเข้าใจระบบองค์กรเป็นตัวสร้างมูลค่าเพิ่มให้ทีม เช่น ลดขั้นตอนงาน, หาช่องทางเพิ่มรายได้, หรือพัฒนาโครงการใหม่

 

2. ยกระดับบทบาทสู่ “Strategic Connector”

  • ทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูล คน และแผนงานระหว่างทีมต่าง ๆ ให้ทำงานได้ราบรื่น
  • พัฒนาCross-functional Collaboration เพราะในโครงสร้างที่แบนลง การทำงานแบบไซโลแทบไม่มีที่อยู่แล้ว

 

3. Upskill / Reskill ในทักษะที่อนาคตต้องการ

  • Digital & AI Literacy — ใช้เครื่องมือดิจิทัลและ AI ช่วยตัดสินใจและเพิ่มประสิทธิภาพ
  • Data-Driven Decision Making — ตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลมากกว่าประสบการณ์เพียงอย่างเดียว
  • Innovation & Change Management — เสนอวิธีการทำงานใหม่และขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง

 

4. พัฒนาทักษะ Soft Skills ที่ AI แทนไม่ได้

  • Coaching & Mentoring — ช่วยพัฒนาคนรุ่นใหม่โดยใช้ประสบการณ์ของตัวเอง
  • Emotional Intelligence (EQ) — เข้าใจแรงจูงใจและความรู้สึกของทีม เพื่อสร้างความร่วมมือ
  • Influence & Negotiation — โน้มน้าวผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้สนับสนุนแผนงาน

 

5. สร้าง Personal Brand ภายในและภายนอกองค์กร

  • ทำให้ผลงานและความเชี่ยวชาญของตน “มองเห็นได้” (Visible) ผ่านการนำเสนอ, เวิร์กช็อป, หรือแชร์บทเรียนจากประสบการณ์
  • สร้างเครือข่ายอาชีพ (Professional Network) เพื่อเปิดโอกาสใหม่ ๆ ทั้งในและนอกองค์กร

 

6. กล้าเรียนรู้บทบาทใหม่

  • ยอมรับว่าบทบาท Middle Manager แบบเดิมอาจไม่กลับมา
  • เตรียมพร้อมสู่บทบาท Project Leader, Change Agent, Innovation Coach หรือConsultant ภายในองค์กร

 

สรุป

ในยุค The Great Flattening บทบาทของ Middle Manager ไม่ได้หายไป แต่เปลี่ยนไปสู่การเป็น “ผู้สร้างคุณค่าเชิงกลยุทธ์” มากกว่าผู้ควบคุมงานประจำวันสำหรับ Gen X การปรับตัวไม่ใช่เรื่องของการตามให้ทันเท่านั้น แต่ต้อง “นำการเปลี่ยนแปลง” ด้วยประสบการณ์และมุมมองที่รุ่นอื่นยังไม่มีด้วยค่ะ

 

หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านของอาจารย์เก๋ ศศิมา สุขสว่าง ใช้ในการปรับตัว พัฒนาตัวเองนะคะ หากสนใจหลักสูตร Coaching & Mentoring for Leader , Project Leader  ม Innovation Coach ติดต่ออาจารย์เก๋ได้โดยตรงค่ะ อาจารย์มีหลักสูตรนี้ สอนเป็นประจำสำหรับผู้บริหารในองค์กรค่ะ

 

หลักสูตรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

1.  Smart Coaching and Mentoring  for Leader ทักษะการโค้ชและพี่เลี้ยงสำหรับผู้นำในโลกยุค The Great Flattening

2. Self Awareness and Self Management for Working การตระหนักรู้และการจัดการตัวเองสำหรับพนักงานรุ่นใหม่

3. Self Coaching for Performance working ทักษะการโค้ชตัวเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

 

สนใจรายละเอียดหลักสูตรฉบับเต็ม โปรดติดต่ออาจาย์เก๋- ศศิมา สุขสว่าง ได้ทางอีเมล์ sasimasuk.com@gmail.com

 

อ้างอิง :

businessinsider.com  บทความ "The Great Flattening is here to stay" 

Linkedin บทความ  THE GREAT FLATTENING โดย  Joen ChoeJoen Choe

 

....................................

ติดต่อวิทยากรสัมมนาอบรม In-House training ด้านความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนานวัตกรรม หรือติดตามบทความ ได้ที่

   

 

อ.ศศิมา สุขสว่าง (เก๋)อาจารย์ศศิมา สุขสว่าง -อ.เก๋

บริษัทเอชซีดี อินโนเวชั่น จำกัด

Email : sasimasuk.com@gmail.com

Line ID : sasimasuk.com หรือเบอร์โทร. 0815609994

Website: http://www.sasimasuk.com/  

FB: https://www.facebook.com/CreativetoInnovation/

Tel:  081-5609994

Youtube: https://www.youtube.com/innoinninecreativetoinnovation

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

หรือส่งข้อมูลมาทาง sasimasuk.com@gmail.com ทางเราจะติดต่อกลับภายใน 1 วันค่ะ
Visitors: 405,143